ไม้ดอกไม้ประดับ

พันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับ


ค้นพบพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับที่น่าสนใจจากศูนย์


27 กรกฎาคม 2568
คำมอกหลวง
วงศ์ : RUBIACEAE ชื่ออื่น : หอมไก๋ (ลำปาง) แสลงหอมไก๋ ลักษณะ : ไม้ต้นขนาดเล็กถึงขนาดกลาง สูง 7 - 15 เมตร แตกกิ่งน้อย กิ่งอ่อนมีขน ปลายยอดมียางเหลืองข้นเป็นก้อนติดอยู่ ใบรูปรีหรือไข่กลับใบมีขนาดใหญ่กว่าคำมอกน้อย ดอกเดี่ยว สีขาวนวล ออกดอกซอกใบ โดนกลีบดอกเชื่อมกันเป็นหลอดยาว ปลายแยกเป็น 5 กลีบ เมื่อบานมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 5 - 7 เซนติเมตร ผลรูปรี เมื่อแก่เปลี่ยนเป็นสีดำ มีเมล็ดจำนวนมาก ฤดูดอกบาน : มีนาคม - เมษายน ดอกทยอยบานจนเต็มต้นในเวลาใกล้เคียงกัน ดอกเริ่มแย้มช่วงเย็น พอใกล้โรยจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองเข้มมีกลิ่นหอมแรงมากขึ้น และร่วงตอนบ่ายวันรุ่งขึ้นส่งกลิ่นหอมแรงมากขึ้น และร่วงตอนบ่ายวันรุ่งขึ้นส่งกลิ่นหอมอ่อน ๆ ตลอดวัน และหอมแรงใกล้พลบค่ำ การขยายพันธุ์ :เพาะเมล็ด ทาบกิ่ง ปลูกอย่างไรให้สวย : เป็นพรรณไม้ที่ทนทานอยู่ในที่แล้งได้ดี เหมาะสมปลูกตามแหล่งพักผ่อนหรือสำนักงานที่อยู่ในพื้นที่แห้งแล้ง ควรปลูกกลางแจ้งให้ห่างจากต้นไม้ 4 - 5 เมตร หรือปลูกบนเนินสนามหญ้า จะมีทรงพุ่มสวยงามออกดอกจำนวนมาก และมองดูเด่น หากปลูกในพื้นที่ราบหรือชื้นแฉะ จะมีใบจำนวนมากทรงพุ่มแน่นทึบ และติดดอกได้น้อย สำหรับต้นที่จากการทาบกิ่ง สามารถปลูกให้ออกดอกในกระถางได้
27 กรกฎาคม 2568
จำปา
วงศ์ : MAGNOLIACEAE ชื่ออื่น : Champaca, Orange Champak ลักษณะ : ไม้ต้นขนาดกลาง สูง 10 - 25 เมตร ทรงพุ่มรูปสามเหลี่ยม ใบเดี่ยว ออกเวียน รูปรี แกมรูปขอบขนาน ใบอ่อนมีขน ใบแก่เรียบเป็นมัน ใต้ใบมีนวลสีขาวเคลือบอยู่ ดอกเดี่ยวออกตรงซอกใบ มีกลีบดอก 12 - 15 กลีบ กลีบยาว 4 - 6 เซนติเมตร สีเหลืองอมส้ม ผลกลุ่มยาว 6 - 9 เซนติเมตร ปัจจุบันนิยมใช้เป็นต้นตอสำหรับทาบกิ่งพืชชนิดอื่นวงศ์เดียวกัน ฤดูดอกบาน : กุมภาพันธ์ - สิงหาคม ดอกบานวันเดียวแล้วโรย เริ่มส่งกลิ่นหอมตั้งแต่พลบค่ำจนถึงกลางวัน ปัจจุบันมีการคัดเลือกพันธุ์ที่ออกดอกได้เกือบตลอดปี ดอกดก ขนาดใหญ่ มีสีเข้ม ที่เรียกกันว่าจำปาทอง การขยายพันธุ์ :เพาะเมล็ด ตอนกิ่ง ทาบกิ่ง ปลูกอย่างไรให้สวย : ควรปลูกลงแปลงกลางแจ้งให้ห่างจากต้นไม้อื่นอย่างน้อย 5 เมตร โดยปลูกเป็นต้นเดี่ยว ๆ หรือปลูกเป็นแถมตามริมถนน จะแตกกิ่งด้านข้างและให้ทรงพุ่มรูปสสามเหลี่ยมหรือกรวยคว่ำสวยงาม หากเตรียมหลุมโดยใช้ปุ๋ยคอกรองกันหลุม ปักหลักให้ลำต้นตั้งตรง และตัดแต่งทรงพุ่มให้โปร่งก้เจริญเติบโตได้เร็วขึ้น ควรเลือกปลูกพันธุ์ที่มีขนาดดอกใหญ่ ดอกดก และมีสีเข้ม
27 กรกฎาคม 2568
จำปี
วงศ์ : MAGNOLIACEAE ชื่ออื่น : - ลักษณะ : ไม้ต้น สูง 10 - 20 เมตร ทรงพุ่มเป็นรูปสามเหลี่ยม ใบเดี่ยว เรียงเวียน รูปรี มีขนาดใหญ่ ผิวใบเรียบทั้งสองด้าน ดอกเดี่ยว ออกตรงซอกใบ กลีบดอกหนา สีขาว มี 10 - 12 กลีบ ยาว 4 - 6 เซนติเมตร แต่ละกลีบมีขนาดใกล้เคียงกัน ปลายกลีบดอกเรียวแหลม มักไม่ติดผล ฤดูดอกบาน : สิงหาคม - พฤศจิกายน ทยอยออกดอกเกือบตลอดปี ดอกเริ่มแย้มและส่งกลิ่นหอมตั้งแต่ช่วงใกล้พลบค่ำ กลิ่นหอมแรงตลอดวันในวันต่อมากลีบดอกจะกางบานและร่วง การขยายพันธุ์ : ปักชำกิ่ง ตอนกิ่ง หรือทาบกิ่ง ปลูกอย่างไรให้สวย : เป็นพรรณไม้ที่โตเร็ว ชอบดินร่วนระบายน้ำดี แต่ไม่ชอบพื้นที่น้ำขังแฉะควรปลูกลงแปลงกลางแจ้งให้ห่างจากต้นไม้อื่นอย่างน้อย 5 เมตร โดยใส่ปุ๋ยคอกรองกันหล้มปักหลักผูกยึดให้ลำต้นตั้งตรง ตัดแต่งทรงพุ่มให้โปร่งและควบคุมให้มีขนาดตามที่ต้องการ หากปลูกลงกระถาง ควรใช้กระถางใหญ่ หมั่นตัดแต่งทรงพุ่มอยู่เสมอ
27 กรกฎาคม 2568
จำปีสิรินธร
วงศ์ : MVGNOLIACEAE ชื่ออื่น : - ลักษณะ : ในธรรมชาติพบขึ้นในกลุ่มของป่าพรุน้ำจืด เป็นต้นไม้ขนาดใหญ่ สูง 20 - 25 เมตรเปลือกต้นแตกเป็นร่องเป็นสะเก็ดตามยาว ใบเดี่ยว รูปขอบขนาน เรียงเวียนรอบกิ่ง ใบอ่อนมีขนนุ่นที่ใต้ใบ เมื่อใบแก่จะเรียบ ดอกเดี่ยวออกซอกใบ สีขาว มีกลีบดอก 12 - 15 กลีบแต่ละกลีบรูปไข่กลับแกมรูปขอบขนาน ปลายกลีบมนแผ่กว้าง กลีบหนา ฉ่ำน้ำ แข็งเปราะ ผลกลุ่ม ผลย่อย 8 - 15 ผล แต่ละผลมี 1 - 6 เมล็ดเมื่อแก่เมล็ดสีแดงเข้ม ฤดูดอกบาน : เมษายน - พฤษภาคม  ดอกบานวันเดียวแล้วโรย ดอกเริ่มแย้มและส่งกลิ่นหอมตั้งแต่ช่วงใกล้พลบค่ำ มีกลิ่นหอมแรงตลอดวันในวันต่อมากลีบดอกจะกางบานและร่วง การขยายพันธุ์ : เพาะเมล็ด หรือทาบกิ่งโดยใช้จำปาเป็นต้นตอ ปลูกอย่างไรให้สวย : ควรปลูกลงแปลงกลางแจ้งให้ห่างจากต้นไม้อื่นอย่างน้อย 5 เมตร หากปลูกด้วยต้นกล้าที่ได้จากการดพาะเมล็ด จะเจริญเติบโตได้ดีในที่ลุ่มมีอากาศหนาวเย็นและทนต่อสภาพดินชื้นแฉะ ไม่ชอบพื้นที่แห้งแล้ง ถ้านำต้นที่ได้จากการทาบกิ่งมาปลูก จะเจริญเติบโตได้ไนพื้นที่มีการระบายน้ำดี แต่ไม่ควรปลูกลงกระถางเพราะจะไม่ออกดอก
27 กรกฎาคม 2568
ชำมะนาด
วงศ์ : APOCYNACEAE ชื่ออื่น : ชมนาด (กลาง) ดอกข้าวใหม่ (กรุงเทพฯ) Bread Flower ลักษณะ : ไม้เลื้อยเนื้อแข็ง เลื้อยได้ไกล 5 - 10 เมตร แตกกิ่งแขนง เลื้อยทอดยาว ทุกส่วนของต้นมียางมาก สีขาว ใบเดี่ยว ออกตรงข้ามกันรูปไข่ ยาว 12 - 15 เซนติเมตร ช่อดอกออกบริเวณซอกใบ มีดอกย่อยมากถึง 35 ดอก ทยอยบาน กลีบบดอกสีขาวอมเขียว เมื่อบานมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 1.5 เซนติเมตร ผลมีเนื้อนิ่มเมื่อแก่จะแตก เมล็ดมีใยปลิวลอยตามลม ฤดูดอกบาน : มกราคม - มีนาคม ดอกทยอยบานทั้งช่อ แต่บานวันเดียวแล้วร่วง ส่งกลิ่นหอมแรงเหมือนข้าวสุกใหม่ หอมตลอดวัน การขยายพันธุ์ : ปักชำ โน้มกิ่ง ตอนกิ่ง ปลูกอย่างไรให้สวย : ควรปลูกลงกระถางขนาดใหญ่ แล้วทำซุ้มหรือค้างเล็ก ๆ คอยจับยอดที่แตกออกมายืดยาวให้เลื้อยไต่ซุ้มให้เป็นระเบียบ หมั่นตัดแต่งทรงพุ่มอยู่เสมอ แล้วตั้งไว้ในที่มีแสงแดดตลอดวัน จะออกดอกได้ดี หากปลูกลงแปลงกลางแจ้ง ควรพรางแสงให้จนกว่าจะตั้งตัวได้แล้วทำซุ้มหรือค้างให้เลื้อยพัน หมั่นพรวนดินและใส่ปุ๋ยเป็นช่วง ๆ คอยตัดแต่งกิ่งที่ยาวเกะกะออกให้ซุ้มดูเป็นระเบียบ
27 กรกฎาคม 2568
ซ่อนกลิ่น
วงศ์ : AGAVACEAE ชื่ออื่น : ซ่อนกลิ่นดอกลา ซ่อนกลิ่นดอกซ้อน ซ่อนชู้ Tuberose ลักษณะ : มีถิ่นกำเนิดในอเมริกาใต้ เป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยว ไม้ล้มลุก อายุหลายปี มีหัวเป็นกระจุกอยู่ใต้ดินสำหรับสะสมอาหาร แตกใบจากหัวเป็นกอ ๆ ใบยาว มีดอกติดอยู่ตอนปลายเป็นช่อยาวตั้งแต่ 6 - 15 นิ้ว ดอกย่อยจำนวนมาก ทยอยบานตั้งแต่โคนช่อไปหาปลายช่อ สีขาวบริสุทธิ์ หอมเย็นและหอมแรง มีทั้งพันธุ์ดอกลาที่มีกลีบชั้นเดียว และพันธุ์ดอกซ้อนที่มีกลีบหลายชั้น  ฤดูดอกบาน : ออกดอกตลอดปี โดยจะออกหลังจากปลูกแล้ว 3 เดือน ส่งกลิ่นหอมแรงทั้งกลางวันและกลางคืน ดอกทยอยบานและบานอยู่ได้หลายวัน การขยายพันธุ์ : แยกหัว ปลูกอย่างไรให้สวย : อาจปลูกลงกระถางขนาดใหญ่ ใช้ดินร่วนและระบายน้ำดี ถ้าปลูกลงแปลงกลางแจ้ง นิยมปลูกเป็นแถวริมถนนหรือปลูกเป็นแปลง หมั่นกำจัดวัชพืชและใส่ปุ๋ยคอกให้เป็นช่วง ๆ หากช่อดอกเอนล้มควรปักหลักผูกมัดให้ตั้งตรง จะมีความสวยงามและบานอยู่ได้หลายวัน เมื่อปลูกไปได้ระยะหนึ่งจะแตกหัวและต้นไม้จนแน่นทึบ สามารถแยกหัวออกมาปลูกใหม่ได้อีก
27 กรกฎาคม 2568
นมแมว
วงศ์ : ANNONACEAE ชื่ออื่น : - ลักษณะ : ไม้รอเลื้อย เลื้อยได้ไกล 2 - 5 เมตร ลักษณะการเลื้อยต่างจากไม้เลื้อยชนิดอื่น ๆ คือกิ่งพันกันเองจนดูเป็นไว้พุ่ม หากขึ้นอยู่กลางแจ้งห่างจากต้นไม้อื่นจะกลายเป็นไม้พุ่มอยู่ได้ด้วยตัวเอง ใบเดี่ยว เรียงสลับ ดอกออกเดี่ยวตามกิ่งก้านเยื้องกับใบ ดอกมีขนาด 1 - 2 เซนติเมตร ปลายกลีบดอกงุ้มเข้าด้านใน มี 6 กลีบ สีเหลืองนวล มีผลกลุ่ม 8 - 15 ผล ผลผลมรีขนาด 1 - 2 เซนติเมตร เมื่อแก่สีเหลือง รับประทานได้ ฤดูดอกบาน : มกราคม - เมษายน มีตั้งแต่ดอกเล็กจนถึงใหญ่ ส่วนกลิ่นหอมขึ้นอยู่กับพันธุ์ของแต่ละท้องถิ่นซึ่งแตกต่างกัน พันธุ์ที่มีดอกหอมจะส่งกลิ่นหอมแรงตลอดวัน การขยายพันธุ์ : เพาะเมล็ด ปลูกอย่างไรให้สวย : ควรเลือกปลูกต้นที่เป็นพุ่มเตี้ย ไม่เลื้อยมาก ดอกดก ดอกใหญ่และมีกลิ่นหอมแรง โดยปลูกลงแปลงกลางแจ้งให้ห่างจากต้นไม้อื่นอย่างน้อย 2 เมตร หากต้องการให้เลื้อยก็ทำซุ้มหรือค้างที่ข้างทรงพุ่ม แล้วตัดแต่งกิ่งให้พุ่มโปร่ง เพื่อให้ออกดอกได้ทั่วทั้งทรงพุ่มต้นที่ปลูกอยู่ในดินที่ชื้นสลับแห้ง ก็ออกดอกได้เป็นช่วง ๆ
27 กรกฎาคม 2568
นางแดง
วงศ์ : ANNONACEAE ชื่ออื่น : ปอขี้แฮด ลักษณะ : ไม้ต้นขนาดกลาง สูง 10 - 20 เมตร แตกกิ่งจำจวนมากในระดับสูงเป็นพุ่มกลม กิ่งอ่อนสีดำ มีขนปกคลุมหนาแน่น ใบเดี่ยว รูปขอบขนานแกมรูปไข่ ยาว 14 - 20 เซนติเมตร ผิวใบด้านล่างมีขนสากมือ ดอกออกตรงข้ามเป็นกระจุก 3 - 9 ดอก สีเหลืองเข้ม มีลายปะสีม่วงแดงตามยาวของกลีบ กลีบดอกชั้นในประกบกันเป็นรูปกระเช้า เมื่อบานมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 3 - 4 เซนติเมตร ผลกลุ่ม มีผลย่อย 10 - 15 ผล เมื่อแก่ สีเหลือง เปลือกผลนิ่ม ฤดูดอกบาน : กุมภาพันธ์ - มีนาคม ดอกบานพร้อมกันหรือทยอยบานทั้งกระจุก ดอกบานวันเดียวแล้วโรย ส่งกลิ่นหอมอ่อน ๆ ช่วงเย็น การขยายพันธุ์ : เพาะเมล็ด ทาบกิ่ง ปลูกอย่างไรให้สวย : ควรปลูกลงแปลงกลางแจ้งบนลานกว้าง ในสนามหญ้า หรือบนเนิน ให้ห่างจากต้นไม้อื่นอย่างน้อย 5 เมตร จะให้ทรงพุ่มสวยสง่าเป็นพิเศษ และให้ร่มเงาได้ดี หากปลูกในที่ชุ่มชื้นจะออกดอกน้อยกว่าที่แล้ง ต้นที่ปลูกจากเมล็ดจะแตกกิ่งข้างและมีทรงพุ่มสวยงามกว่าต้นที่ได้จากการทาบกิ่ง แต่จะออกดอกได้เร็วและมีทรงพุ่มขนาดเล็กกว่าต้นที่เพาะจากเมล็ด
27 กรกฎาคม 2568
นางแย้ม
วงศ์ : LABIATAE (LAMIACEAE) ชื่ออื่น : ปิ้งช้อน ปิ้งหอม Glory Tree, Stickbush ลักษณะ : ไม้พุ่มขนาดเล็ก สูงประมาณ 1 เมตร แตกลำต้นใกล้ผิวดินจำนวนมาก ช่วยให้ทรงพุ่มแผ่กว้างอย่างรวดเร็ว ใบเดี่ยว ออกตรงข้ามกัน ขอบใบหยักเป็นฟันห่าง ใบใหญ่สีเขียวเข้ม ช่อดอกออกตามปลายกิ่ง ขนาดใหญ่ เส้นผ่านศูนย์กลาง 8 - 15 เซนติเมตร และมีดอกย่อยจำนวนมากเรียงอัดกันแน่น กลีบเลี้ยงสีม่วงแดง กลีบดอกสีขาวซ้อนกันหลายชั้น มักไม่ติดผล  ฤดูดอกบาน : ตลอดปี ดอกทยอยบานทั้งช่อและบานอยู่ได้หลายวัน ส่งกลิ่นหอมอ่อน ๆ ช่วงกลางวัน และหอมแรงขึ้นช่วงพลบค่ำ การขยายพันธุ์ : ปักชำ ตอนกิ่ง แยกหน่อที่แตกจากราก ปลูกอย่างไรให้สวย : ควรปลูกลงแปลงกลางแจ้งให้ห่างจากต้นไม้อื่นอย่างน้อย 1 เมตร เช่น ในสนามหญ้าหรือบนเนิน จะให้ทรงพุ่มสวยงาม สามารถปลูกเป็นพุ่มใต้ต้นไม้ใหญ่ได้ แต่ควรได้รับแสงค่อข้างมาก และหมั่นตัดแต่งทรงพุ่มให้โปร่ง เพื่อควบคุมทรงพุ่มมิให้ใหญ่เกินไปจนรกทึบ สามารถปลูกเป็นไม้ดอกหอมในกระถางได้ หากตัดแต่งอยู่เสมอจะอยู่ได้นาน 2 - 3 ปี
27 กรกฎาคม 2568
บุหงาส่าหรี
งศ์ : LABIATAE (LAMIACEAE) ชื่ออื่น : Spiny Fiddlewood ลักษณะ : ไม้ต้นขนาดเล็ก สูง 4 - 7 แตกกิ่งยืดยางจำนวนมาก ทรงกลมกว้าง ใบเดี่ยวออกตรงข้ามกัน รูปใบหอก ยาว 10 - 15 เซนติเมตร ขอบใบเรียบ แผ่นใบบาง ผิวใบเป็นมันเรียบทั้งสองด้าน ดอกออกเป็นช่อ สีขาว ยาว 10 - 20 เซนติเมตร ออกตามซอกใบและปลายกิ่ง มีดอกย่อยจำนวนมาก ทยอยบานจากโคนช่อไปหาปลายช่อ แต่ละดอก มี 5 กลีบ เมื่อบานเส้นผ่านศูนย์กลาง 1 เซนติเมตร ดอกบานวันเดียวแล้วโรย ฤดูดอกบาน : ออกดอกตลอดปี ดอกบานละส่งกลิ่นหอมแรงตลอดวัน หากตัดแต่งกิ่งให้ดีจะออกดอกได้เป็นช่วง ๆ สม่ำเสมอตลอดปี การขยายพันธุ์ : ปักชำกิ่ง ตอนกิ่ง ปลูกอย่างไรให้สวย : สามารถปลูกในกระถางได้แต่เป็นไม้ที่โตเร็วและกิ่งยืดยาว จึงต้องหมั่นตัดแต่งกิ่งเพื่อควบคุมทรงพุ่มเป็นระยะ ๆ เหมาะสำหรับปลูกในแหล่งพักผ่อน รวมทั้งตามสวนสาธารณะได้ทุกพื้นที่ที่ได้รับแสงแดดตลอดวัน หากปลูกในร่มจะมีกิ่งยืดยาวมากและค่อยออกดอก
27 กรกฎาคม 2568
ปีบ
วงศ์ : BIGNONIACEAE ชื่ออื่น : กาซะลอง กาดสะลอง (เหนือ) Indian Cork Tree ลักษณะ : ไม้ต้นขนาดเล็ก สูง 5 - 8 เมตร เปลือกต้นสีเทาแตกเป็นร่องลึกตามยาว ใบประกอบแบบขนนก 3 ชั้น ช่อดอกแบบกระจะแยกแขนงออกที่ปลายยอด ช่อยาว 10 - 20 เซนติเมตร มีดอกย่อยจำนวนมาก โคนกลีบดอกเป็นหลอดยาวสีขาว ปลายแยกเป็น 5 กลีบ เมื่อบานมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 3 - 4 เซนติเมตร ผลเป็นผักยาว แห้งแล้วแตก มีเมล็ดจำนวนมาก เป็นแผ่นบาง มีปีก ฤดูดอกบาน : ตุลาคม - มีนาคม ดอกทยอยบานทั้งช่อ ดอกบานเป็นเวลาเย็นแล้วโรยช่วงเย็นของวันต่อมา ส่งกลิ่นหอมแรงช่วงกลางวัน ในช่วงฤดูดอกจะมีดอกร่วงหล่นอยู่ใต้ต้นจำนวนมาก ส่งกลิ่นหอมโชยไปไกล การขยายพันธุ์ : เพาะเมล็ด แยกหน่อที่แตกจากราก ปลูกอย่างไรให้สวย : เหมาะที่จะปลูกเป็นไม้ประดับลงแปลงกลางแจ้ง ให้ทรงพุ่งโปร่ง ในช่วงที่ออกดอกพรูเต็มต้นจะสวยงามและหอมน่าประทับใจมาก ควรปลูกเป็นต้นเดี่ยวกลางลานกว้างที่เป็นเนินและมีการระบายน้ำดี หรือปลูกเป็นแถวให้มีระยะห่างกัน 5 - 6 เมตร ทรงพุ่มจะแผ่สวยงามควรตัดแต่งกิ่งเป็นช่วง ๆ เพื่อไม่ให้กิ่งยอดใหญ่และหนักเกินไปจนอาจฉีกหักได้ เวลาเลือกซื้อควรเลือกต้นที่กำลังออกดอก เพราะมีบางพันธุ์ที่ออกดอกยาก
27 กรกฎาคม 2568
พุดซ้อน
วงศ์ : RUBIACEAE ชื่ออื่น :  แคถวา (เชียงใหม่) Cape Jasmine, Gardenia ลักษณะ : เป็นพรรณไม้จากต่างประเทศที่นำเข้ามาปลูกนานแล้ว เป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก สูง 1 - 2 เมตร แตกกิ่งเป็นพุ่มกลมแน่นทึบ ใบหนาเป็นมัน สีเขียนเข้ม มีดอกสีขาวบริสุทธิ์ออกที่ปลายยอด กลีบดอกจำนวนมากเรียงซ้อนกัน เมื่อบานมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 5 - 8 เซนติเมตร ดอกบานอยู่ได้ 2 วัน แล้วค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีเหลืองจนกระทั่งโรยต้นที่ปลูกส่วนใหญ่ไม่ติดผล ฤดูดอกบาน : ทยอยออกดอกตลอดปี แต่ดอกดกเต็มต้นในฤดูหนาวและฤดูฝน ส่งกลิ่นหอมอ่อน ๆ ตลอดวัน และหอมแรงช่วงพลบค่ำถึงเช้า การขยายพันธุ์ : ปักชำกิ่ง ตอนกิ่ง ปลูกอย่างไรให้สวย : เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์และปลูกเลี้ยงง่ายมาก สามารถเจริญเติบโตได้ดีในดินเกือบทุกสภาพ แต่ต้องคัดเลือกสานพันธุ์ที่มีดอกดก ขนาดใหญ่ พร้อมตัดแต่งทีงพุ่มให้แผ่กระจายหรือเป็นทรงกลมโปร่ง เพื่อให้ได้รับแสงเต็มที่ สามารถปลูกเป็นไม้กระถางหรือปลูกลงแปลงกลางแจ้งได้อย่างสวยงาม