บทความและงานวิจัย

บทความและงานวิจัยที่น่าสนใจ


ค้นพบบทความและงานวิจัยที่น่าสนใจจากศูนย์


17 ตุลาคม 2568
อ่านบทความเต็มได้ที่ 👉 https://www.sciencedirect.com/science/article/abs/pii/S1878450X25001854
29 กันยายน 2568
  Bailey Nurseries เปิดตัวไฮเดรนเยียพันธุ์ใหม่ “FlowerFull® Smooth Hydrangea”   Bailey Nurseries ผู้นำด้านการเพาะพันธุ์พืชไม้ประดับ เปิดตัวไฮเดรนเยียพันธุ์ใหม่ FlowerFull® Smooth Hydrangea ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อปฏิวัติการปลูกไฮเดรนเยีย ด้วยการแก้ปัญหาการปลูกที่ต้องเผชิญมาอย่างยาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องก้านที่อ่อนแอและดอกที่ร่วงโรยง่าย FlowerFull® Smooth Hydrangea มีลำต้นที่แข็งแรงเป็นพิเศษ สามารถรองรับดอกที่ออกอย่างหนาแน่น ทำให้ดอกไม่ล้มพับเมื่อเจอลมแรงหรือฝนตกหนัก นอกจากนี้ยังได้รับการปรับปรุงพันธุกรรมให้มีความทนทานต่อโรคพืชทั่วไป เช่น โรคจุดใบจากแบคทีเรีย ช่วยให้ใบยังคงเขียวชอุ่มและสวยงามตลอดทั้งฤดู สิ่งที่น่าสนใจที่สุดของไฮเดรนเยียพันธุ์นี้คือความสามารถในการออกดอกที่มากกว่าไฮเดรนเยียพันธุ์ทั่วไปถึง 2-3 เท่า ทำให้ผู้ปลูกได้ชื่นชมดอกไม้ที่บานสะพรั่งเต็มต้นอย่างน่าประทับใจ การผสมผสานคุณสมบัติเหล่านี้เข้าด้วยกันทำให้ FlowerFull® กลายเป็นพืชที่ต้องการการดูแลน้อยลง แต่ยังคงให้ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมทั้งในเชิงการค้าและการจัดสวนส่วนตัว แหล่งที่มา : https://www.baileynurseries.com/new-varieties/flowerfull-smooth-hydrangea/
26 กันยายน 2568
  ICAR-Directorate of Floricultural Research (DFR), Pune เปิดตัว 'Sahyadri Vaman' ดอกซ่อนกลิ่นแพันธุ์ใหม่   สถาบัน ICAR-Directorate of Floricultural Research (DFR), Pune ได้ประกาศความสำเร็จครั้งสำคัญในการพัฒนาดอกซ่อนกลิ่น (Tuberose) พันธุ์ใหม่ที่สร้างความตื่นเต้นให้กับตลาด ได้แก่พันธุ์ 'Sahyadri Vaman' ซึ่งเป็นพันธุ์แคระที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับการปลูกในกระถาง (Pot Culture) พันธุ์ 'Sahyadri Vaman' นี้เป็นผลงานที่พัฒนาจาก half-sib population ของดอกซ่อนกลิ่นพันธุ์ Phule Rajani เพื่อแก้ไขปัญหาสำคัญที่พบในพันธุ์ดั้งเดิม เนื่องจากดอกซ่อนกลิ่นสายพันธุ์ทั่วไปในท้องตลาดมีก้านช่อดอกที่ยาวมากถึง 100-120 ซม. ทำให้เกิดปัญหา ล้มง่าย (lodging) และไม่เหมาะสำหรับการปลูกในกระถาง ด้วยเหตุนี้จึงมีความต้องการอย่างสูงในการพัฒนาพันธุ์แคระที่มีก้านช่อดอกสั้นลงอย่างชัดเจน ต้านทานการล้ม และยังคงไว้ซึ่งสีสันและรูปทรงใหม่ ๆ Sahyadri Vaman ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์ดังกล่าว โดยมีขนาดต้นที่เตี้ยกว่าพันธุ์ดั้งเดิมอย่างเห็นได้ชัด ด้วยความสูงเพียง 48 - 55 ซม. เท่านั้น ที่สำคัญคือมีก้านช่อดอกที่สั้นเพียง 20-25 ซม. ทำให้ต้านทานการล้มและเหมาะสมกับการวางในพื้นที่แคบ ๆ บนระเบียงหรือในอาคาร สิ่งที่ทำให้พันธุ์นี้โดดเด่นยิ่งขึ้นคือช่อดอกที่ประกอบด้วยดอกย่อยที่มีกลิ่นหอม จัดเรียงอย่าง กะทัดรัด บนแกนกลางที่สั้น ซึ่งเพิ่มมูลค่าสำหรับการตกแต่งบ้านและสวน แหล่งที่มา : https://icar.org.in/en/sahyadri-vaman-novel-dwarf-tuberose-variety-developed-icar-dfr-pune#:~:text=Sahyadri%20Vaman%20produces%20significantly%20dwarf,appears%20like
28 กรกฎาคม 2568
สถานการณ์การค้าสินค้าไม้ดอกไม้ประดับและพันธุ์ไม้ของไทย ปี 2563 และ 2 เดือนแรกของปี 2564
โอกาสการส่งออกไม้ดอกไม้ประดับของไทยในตลาดโลกในระยะสั้น คาดว่าแนวโน้มความต้องการไม้ดอกไม้ประดับในตลาดโลกจะยังคงชะลอตัวเนื่องจากวิกฤติ การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่ยังไม่สามารถควบคุมได้ในหลายประเทศ ทาให้การท่องเที่ยว การจัดประชุม สัมมนา การจัดงานกิจกรรมต่างๆ หยุดชะงัก และความต้องการใช้ไม้ดอกไม้ประดับในการตกแต่งสถานที่สาหรับกิจกรรมต่างๆ หดตัวตามไปด้วย แต่ในระยะยาว หลังสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 คลี่คลาย คาดว่าสินค้าไม้ดอกไม้ประดับของไทยจะมีศักยภาพในการส่งออกและกลับมาขยายตลาดได้เพิ่มอีก เนื่องจากข้อได้เปรียบ จากภูมิประเทศที่อุดมสมบูรณ์ มีสภาพภูมิอากาศที่ดี รวมทั้งมีเทคโนโลยีการผลิตที่มีมาตรฐาน นอกจากนี้ ปัจจุบันไทยยังมี นักปรับปรุงพันธุ์พืชที่มีความสามารถพัฒนาพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับใหม่ๆ ที่มีความสวยงามออกมาสู่ตลาดเป็นจานวนมาก ประกอบกับไทยมีสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากความตกลงการค้าเสรี ซึ่งช่วยอานวยความสะดวกทางการค้า และสร้าง ข้อได้เปรียบด้านราคาให้กับสินค้าไทย โดยปัจจุบันสินค้าไม้ดอกไม้ประดับและพันธุ์ไม้ของไทยทุกรายการสามารถส่งออกไป17 ประเทศคู่ FTA (อาเซียน 9 ประเทศ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ จีน ฮ่องกง ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ชิลี และเปรู) โดยไม่ต้องเสียภาษีศุลกากร เหลือเพียงอินเดียที่ยังคงภาษีนาเข้าสินค้าไม้ดอกไม้ประดับบางรายการไว้เท่านั้น ทั้งนี้ เพื่อให้สินค้าไม้ดอกไม้ประดับและพันธุ์ไม้ของไทยขยายตลาดและครองใจผู้บริโภคในตลาดโลกได้เพิ่มขึ้น สิ่งที่ผู้ประกอบการควรให้ความสาคัญในการส่งออก คือ คุณภาพและมาตรฐานความปลอดภัยของสินค้า ซึ่งประเทศผู้นาเข้าส่วนใหญ่มักมีข้อกาหนดด้านมาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช (Sanitary and Phytosanitary Measures) กาหนดเงื่อนไขว่าสินค้าที่จะนาเข้าต้องมีใบรับรองปลอดศัตรูพืช (Phytosanitary Certificate) ที่ออกให้โดยหน่วยงานผู้มีอานาจของประเทศผู้ส่งออก5 และจะต้องมีการวิเคราะห์ความเสี่ยงของศัตรูพืชที่อาจติดมากับสินค้า รวมทั้งอาจมีข้อกาหนดเพิ่มเติมเรื่องหลักการทั่วไปของการปฏิบัติที่ถูกต้องทางการเกษตร (Good Agriculture Practice : GAP) อีกด้วยนอกจากนี้ ควรพัฒนากระบวนการเพาะพันธุ์และการผลิตโดยนาเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาช่วย ตลอดจนเร่งพัฒนาพันธุ์ไม้ใหม่ๆ เนื่องจากไม้ดอกไม้ประดับถือเป็นสินค้าแฟชั่นที่ต้องมีการพัฒนาพันธุ์ใหม่อยู่เสมอตามความต้องการของตลาด ในขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการควรปรับเปลี่ยนช่องทางการทาตลาด โดยหันมาใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ เข้าถึงผู้บริโภคโดยตรงมากขึ้น ควบคู่ไปกับการใช้ข้อได้เปรียบทางภาษีโดยเจาะตลาดส่งออกไปยังประเทศที่ไทยมี FTA ด้วย แหล่งที่มา :  ส่วนภาพรวมเศรษฐกิจและประเมินผลการเจรจาศูนย์สารสนเทศการเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เมษายน 2564